Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Let's Speak English

               This is a chair.           ดี๊ส อี๊ด อะ แช
               This is a table.            ดี๊ส อี๊ด อะ เทเบิ้น
               This is a ruler.            ดี๊ส อี๊ด อะ รู้เล่อ
               This is a rubber.          ดี๊ส อี๊ด อะ รับเบ้อ
               This is a pen.             ดี๊ส อี๊ด อะ เพ็ญ
               This is a pencil.           ดี๊ส อี๊ด อะ เพ็ญซิ่ว

ข้างบน เป็นการฝึกอ่านออกเสียงตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แล้วมาเป็นเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร ถ้ามีโอกาสจะเล่าให้อ่านภายหลัง วันนี้จะมาชวนพูดภาษาอังกฤษกัน  พูดภาษาอังกฤษนั้นจะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย เหมือนสัญลักษณ์หยินหยาง ในง่ายมียากในยากมีง่าย จริงๆ

การพูดภาษาอังกฤษก่อนไปเรียนที่อเมริกานั้น บอกได้เลยว่าต้องใช้เวลานานมากกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละประโยค  มีโอกาสเรียนฝึกพูดกับครูเคท ลงเรียนหนึ่งคอร์ส ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 20 ชั่วโมง สิ่งที่ได้จากการเรียนคือ ความมั่นใจว่าเราพูดแล้วฝรั่งต้องเข้าใจ

เทคนิคอย่างนึงที่ครูสอนคือ การให้ทุกคนน่าจะเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สอง มีประโยคอัตโนมัติไว้ใช้ติดตัว (เหมือนกับการพกยาดม ยาหม่อง) เพื่อจะได้สามารถสื่อสารกับฝรั่งได้  ตอนเด็กๆ พวกเราก็เคยเรียนประโยคอัตโนมัติเหมือนกัน ลองสังเกตดูนะ
คุณครูเดินเข้ามาในห้อง
“please stand up”  นักเรียนทุกคนยืนขึ้น เตรียมจะทักทายพร้อมกัน
“good morning, teacher”  สวัสดีตอนเช้าครับ/ค่ะ คุณครู
                   (ทำไมชั่วโมงภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ต้องเป็นตอนเช้าด้วยนะ)
“good morning” สวัสดีจ้ะ “how are you today?” เป็นไงกันบ้างวันนี้
“I am fine, thank you and how are you?”  นักเรียนหลายคนตอบเหมือนกัน แล้วถามคุณครูกลับว่าคุณครูสบายดีมั้ย  เนื่องจากพูดเหมือนเดิมทุกวัน เสียงนักเรียนก็จะยานไปบ้างเหมือนเทปยืด แต่ยังคงพร้อมเพรียง
“I am fine.”  ครูสบายดี  แล้วก็เริ่มการสอนภาษาอังกฤษเลย (หมดประโยคอัตโนมัติทั้งครูและนักเรียนในอดีตแต่เพียงเท่านี้)
เอ้า! นักเรียน เปิดหน้า 20 ซิ วันนี้เราจะเรียนเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ อ่านพร้อมๆ กันเริ่ม (จากนี้ไป ให้เอาท่อนแยกข้างบนมาอ่านซ้ำอีกครั้งหนึ่ง)

มาทบทวนประโยคอัตโนมัติกันดีกว่า (ท่องจำให้ขึ้นใจ)
ประโยคอัตโนมัติสำหรับการทักทาย
สวัสดี                      Good morning, good afternoon, good evening  สุดแต่ช่วงเวลาอำนวย
สบายดีไหม               How are you?  เป็นยังไงบ้าง  สบายดีหรือเปล่า
                             How are you doing?  เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า
ทักทายทั่วไป             How’s going? เป็นยังไงบ้าง
                             What’s up? ว็อซสั้พ    เฉพาะคำนี้ถ้าใครมาถามตอบอย่างเดียวเลยว่า Not Much
สบายดีครับ/ค่ะ          I am fine. Thank you.  ต้องไม่ลืมขอบคุณด้วยเสมอ
                             I am doing very well. Thank you.
                             I am good. Thank you. ประโยคนี้เราชอบใช้บ่อย บางทีคนอาจจะสงสัยดียังไง
                             อยากรู้  ความหมายก็คือสบายดีนั่นเอง แต่จากความรู้สึกคิดว่าเราควรจะตอบ
                             เฉพาะอย่างไม่เป็นแบบแผน เช่น กับคนที่เรารู้จัก กับเพื่อน
                             Pretty good. Thanks.  ไม่ใช่ประโยค ควรเลือกใช้กับคนที่คุ้นเคย
ต้องไม่ลืมที่จะต้องถามกลับด้วยเสมอ ด้วยคำถามสั้นๆ เช่น “And you?” “How are you?” “How are you doing?”  เกือบลืมบอกไป ว่าคุ้นเคยเฉพาะสำเนียงและวิธีพูดแบบอเมริกัน อยากได้สำเนียงการพูดหรือลักษณะการพูดแบบอื่นๆ ต้องไปฝึกเอาใหม่นะคะ

ประโยค/คำอัตโนมัติชวนสนทนา
สวัสดีครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันชื่อ........ครับ/ค่ะ  Hello, my name is  ………………
ยินดีที่ได้รู้จัก                                 Nice to meet you. (ผู้หญิงกรุณายื่นมือไปก่อนด้วย)
ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ/ค่ะ           May I have your name, please?

ผม/ดิฉันมาจากประเทศไทย             I am from Thailand.
                                                I came from Thailand.
                                                I am originally from Thailand.
ผม/ดิฉันเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก          This is my first time here.
                                                It's my first time here.
                                                I just got here for the first time.
ผม/ดิฉันนานๆ มาครั้ง                     I rarely come here.
ส่วนใหญ่จะไปที่................               Usually I would go to…………..
ตื่นเต้นมาก                                   so excited
อากาศดีนะ                                   nice weather
ทักทายไปเรื่อยๆ ความจริงอาจไม่มีใครอยากรู้ก็ได้ ฮ่า ฮ่า

คำอัตโนมัติสำหรับอุทาน จะพูดทั้งทีต้องเลียนให้เหมือนแม้คำอุทาน
อุ๊ย (ทำของหล่น เหยียบเปลือกกล้วย ลื่น หรือ เกือบทุกกรณีที่เราใช้อุ๊ย)   
                                                Oops!  ออกเสียง อุ๊บสซซ ลองซ้อมอุทานดูค่ะ หุบปากค่ะ
โอ๊ย (เจ็บคนเดินเหยียบตาปลา เดินชนโต๊ะ เจ็บทุกกรณีใช้ได้)
                                                Ouch! ออกเสียง เอ๊าเช่อะ เช่อะเบาๆ ลองซ้อมดูนะคะ
                                                ปากอ้าได้นิดหน่อย ไม่งั้นออก เช่อะ ไม่ได้

คำกล่าวเวลาที่มีคนเสนอให้รับของบางอย่าง
รับกาแฟหรือชาดีคะ            What would you like to have, coffee or tea?
ขอบคุณมาก ไม่รับค่ะ          No, thank you.  ไม่เอาต้องขอบคุณด้วยเสมอ ห้ามออกเสียง                                                                อึ๊ แล้วส่ายหัว โบกมือ ต้องพูดเท่านั้นค่ะ
ถ้าเอาชาหรือกาแฟอย่างใดอย่างหนึ่ง     Tea, please. Thank you. ต้องมี please ด้วยทุกครั้งเพราะเขา
                                                อุตส่าห์ถาม กาแฟก็เช่นกันนะคะ Coffee, please. Thank you.
                                                ไม่ควรชี้ เอานี้ เอานี้
ถ้าจะเอาอย่างอื่น                            May I have…………?   
  
ใครอยากได้ประโยคอัตโนมัติอะไรอีก ฝากคำถามไว้ได้ พบกันใหม่วันพรุ่งนี้ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น