Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จะพูดได้ ต้องฟังได้ก่อนจ้ะ

เมื่อวานนี้บอกว่าการพูดภาษาอังกฤษนั้น เหมือนสัญลักษณ์หยินหยาง ในง่ายมียากในยากมีง่าย จริงๆ ค่ะ ที่ว่าง่าย เพราะว่าถ้าเราพูดหรือตอบคำถามเป็นคำคำ ผู้ฟังก็น่าจะเข้าใจเราได้เหมือนกัน  เทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะผูกประโยคที่ถูกต้องได้อย่างไร  การผูกประโยค (สำหรับคนไทย)     นี่แหละเป็นเรื่องยาก    มัวแต่เรียบเรียงประโยคที่ถูกต้องอยู่ในหัว ก็จะทำให้โต้ตอบช้าไป 

ต้องการหัดพูดให้ได้ มีอย่างนึงที่จะแนะนำคือต้องเลือกสำเนียงให้ได้ว่าเราจะออกเสียงสำเนียง อังกฤษ-อังกฤษ อังกฤษ-อเมริกัน หรือ อังกฤษ-ออสเตรเลีย  ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นไปได้เราน่าจะเลือกที่เราชอบที่สุด  เพราะเรื่องของการออกเสียง  เราต้องพยายามเลียนเสียงว่าจะออกเสียงอย่างไร เช่น

คนอเมริกัน ออกเสียง mountain  จะได้ยินคล้ายๆ อย่างนี้ค่ะ เม้า-อึ้น ไม่มีเสียง T ขณะที่คนอังกฤษอาจจะออกได้ชัดเจนว่า เป็น เม้าเท่น  ออกเสียงครบทุกตัว

water  อเมริกัน จะออกเสียงคล้ายๆ    ว้อออ-เดอะร   ออกได้มั้ยคะ  คือ ไม่มีเสียง T เหมือนกัน เป็นเทคนิคการออกเสียงของอเมริกัน   อังกฤษก็น่าจะออกครบทุกเสียงเป็น ว้อออ-เถ่อะ เวลาได้ยินสำเนียงอังกฤษ ก็จะรู้สึกถึงความเป็นระเบียบแบบแผนขึ้นมาทันที

(หลักการออกเสียงตรงนี้ จะเล่าอย่างละเอียดในครั้งต่อไป เพื่อจะได้ไปสังเกตการออกเสียงของคนอเมริกัน และนำไปฝึกการพูดได้)

ครั้งนึงเคยไปอบรมเรื่องการเรียนการสอนที่ The University of Newcastle ออสเตรเลีย สัปดาห์แรก อาจารย์อธิบายเนื้อหา แล้วถามผู้เรียนจากเมืองไทยว่าเราเข้าใจมั้ย  พวกเราตอบเข้าใจ  อาจารย์จะพูด O.K. แต่หูเราไพล่ได้ยินว่า อ๊าย-คาย ตลอด  จนสงสัยว่า อ๊าย-คาย นี่อะไร อ๋อ! O.K. นี่เองเป็นสำเนียงออสเตรเลีย อบรมสามอาทิตย์ ปวดหัวจากการฟังไปสองอาทิตย์ พออาทิตย์ที่สามเหมือนเริ่มคุ้นเคย ก็ต้องกลับประเทศไทย  แต่ละที่อาจจะออกเสียงไม่เหมือนกัน

ต้องออกตัวก่อนว่า จะเล่าเรื่องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน เพราะเป็นสำเนียงที่คุ้นเคยมากที่สุด

จากประสบการณ์ จะพูดภาษาอังกฤษให้ได้ดี ต้องล้างสมองสิ่งที่ครูสอนภาษาอังกฤษเคยสอนไว้ให้หมด โดยเฉพาะการพูดที่ฝรั่งฟังแล้วไม่เข้าใจ มีหลายคำที่คนไทยพูดแต่ฝรั่งไม่เข้าใจ เช่น

error     คนไทยมักอ่านว่า เออเร่อ   แต่ที่เราได้ยินจะออกเสียง แอ๊เร่อ  (จริง ๆ แล้ว r ก็ไม่ได้ออกเสียง ร เรือ ซะทีเดียว เช่นเดียวกับตัว l ก็ไม่ได้ออกเสียงแทนได้ด้วย ล ลิง - วันหลังค่อยเล่าละกัน)

data     ออกเสียงชัดเจนว่า ดาต้า  เสียงที่ได้ยินจะเป็น เด๊-ถะ

Pepsi    ออกเสียงชัดเจนว่า เป๊ปซี่   ลองออกเสียงใหม่ค่ะ เน้นคำแรก คำหลังสั้น เพ้พ - สิ

Pizza    ออกเสียงแล้วได้กินแน่นอนแบบไทยๆ ว่า พิซซ่า  ลองเน้นคำแรก แล้วคำหลังสั้นๆ ค่ะ  พี๊ซ - สะ

newspaper ออกเสียง นิว-เสอะ-เพ้-เผอะ  โอ๊ย! อึดอัดจัง  ลองใหม่ค่ะ นู้ส-เสอะ-เพ้พ-เผอะร

experience ออกเสียง เอ็กซ-เสอะ-พี-เหรียน   ไม่เอาเหรียญค่ะ ลองออกเสียงนี้ค่ะ เอ่ก-เสอะ-พี-เรี่ยน

measure  ออกเสียง มี้ช-ชั่ว  ลองออกเสียงใหม่เป็น เม้ชชชช-เช่อร

anxiety ออกเสียง แอง-ไซ-ตี้, แอน-ไซ-ตี้   ลองเปลี่ยนออกเสียงนี้ค่ะ  แอง-ซ้าย-เอ-ถิ

ถ้า anxiety กันแล้วลองพักการออกเสียงมาอ่านเรื่องเล่า(ขายหน้าตัวเอง)กันต่อดีกว่าค่ะ

เรียนหนังสือไปได้หนึ่งเทอม  เกิดอยากจะไปเยี่ยมเพื่อนรักที่ San Diego ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย เนื่องจากตั๋วราคาถูก ต้องขึ้นเครื่องที่เมือง Richmond, Virginia ที่อาศัยตอนเรียน  ไปต่อเครื่องที่ Charlotte, North Carolina   และต้องต่อจาก Charlotte ไป Baltimore, Maryland ตอนนั้นยังฟังไม่เก่งเลย  อาศัยการอ่านเอาว่า ต้องไปขึ้นประตูไหน  ปรากฏว่าเขาเปลี่ยนประตูขึ้นเครื่องเป็นอีกประตูหนึ่ง วันนั้นเลยตกเครื่องบินที่บัลติมอร์  ไปถามพนักงานภาคพื้นดินว่าทำไมถึงเวลาแล้วเครื่องจึงยังไม่มา ให้เขาดูพาสปอร์ตและตั๋ว เขาเลยว่านี่ไงผู้โดยสารคนสุดท้ายที่เขาเรียกตั้งนานแล้ว นั่งอยู่นี่เอง  สรุปคือเขาหาเที่ยวบินต่อได้ แต่เราจะไม่ได้ไปถึงปลายทางตามเวลา  น่าจะเป็นเวลาค่ำแล้ว  เขาจะพยายามหาคนที่นั่งไปกับเราเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่หลงตกเครื่องอีก  ตอนนั้นไปเรียนได้ 10 เดือนแล้ว (ชื่อคนไทยออกเสียงยากมาก อย่าหวังว่าจะได้ยินเสียงภาษาอังกฤษ แบบที่ได้ยินที่สนามบินเมืองไทย เมินเสียเถอะ เหอ เหอ)

ขึ้นเครื่องไป  ก็เลยชวนผู้โดยสารข้างๆ คุยกัน  เป็นชายหนุ่ม ดูมีมารยาทดี  ก็เลยเล่าให้เขาฟังว่าเราตกเครื่องบิน  เขาถามว่ามาทำอะไร เราตอบว่า มาเรียนพยาบาล (nursing) ลองจินตนาการดูนะคะว่าออกเสียงยังไง  เพราะเขาถามกลับมาว่า "You study nothing? you came from Thailand to study nothing?"  โอเอ็มจี!   ออกเสียงยังไงเนี่ย  พยายามออกใหม่  หลายครั้งมาก  กว่าเขาจะพูดว่า

"I see, you study nursing."  ทำหน้าโล่งใจ ในที่สุดก็เข้าใจ

"What is your specialty area?"       "Mental health and psychiatric nursing"   ตอนที่พูดนี้ทั้งลิ้นทั้งปากทำไมมันพัลวันออกเสียงไม่ถูกเลย ฟังนานมากกว่าเขาจะเข้าใจ  ไม่รู้ว่าเขาจะคิดในใจหรือเปล่าว่า นี่มันพยาบาลหรือคนไข้นะเนี่ย 

Psychiatric   ตอนอยู่เมืองไทย ออกเสียงอย่างมั่นใจว่า ไซ-เคีย-ตริก  ถ้าจะพูดให้เขารู้เรื่องและเข้าใจ ต้องออกเสียงว่า เดาสิคะ  ถูกต้องค่ะ ไซ-ขิ-เอ๊ะ-ทริค    ออกเสียงให้ครบทุกตัว

มีพยัญชนะบางตัวเหมือนกัน ที่อยากให้แก้การออกเสียง  เช่น W เด็กๆ เคยถูกสอนว่าให้ออกเสียงว่า ดับบลิว  เดี๋ยวนี้จะออกเสียงแบบนี้แล้วค่ะ ดั๊บ-เบอะ-ยู    

อยากให้เด็กไทยออกเสียงพยัญชนะตัวนี้ใหม่ด้วยค่ะ แก้ยากมากเลย H บางคนจะออกเสียงเป็น เฮ็ช  ถ้าแก้ได้อยากให้ออกเสียงเป็น  เอ็ชเช่อะ  (เช่อะ เบาๆ หน่อย - พวกนี้ก็มีหลักในการออกเสียงเหมือนกัน แล้วจะค่อยๆ ทะยอยเล่าค่ะ)

ครั้งนึงอยากชวนเพื่อนฝรั่งคุย ว่าชอบดูหนังเรื่องอะไร  เคยดูหนังเรื่อง Titanic มั้ย เรื่องนั้นน่ะ เป็นเรื่องที่ชั้นไม่เคยดู    ออกเสียงนานมาก เน้นคำแรก คำกลาง คำสุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจ  โอ๊ย! มันน่าจะตอบว่า ชู้รักเรือล่ม ซะน้อ   ฝรั่งนี่เป็นอะไรไม่ทราบ ไม่ค่อยพยายามเข้าใจคนไทยเลย  ไม่เหมือนคนไทย ขนาดฝรั่งไม่พูดอะไรยังเข้าใจ พยักหน้าได้เป็นระยะๆ

วันนี้ลองไปฝึกออกเสียงกันนะคะ  พรุ่งนี้พบกันใหม่ค่ะ

1 ความคิดเห็น: